มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ เป็นหนึ่งในเก้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ซึ่งได้รับการสถาปนาเป็นมหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘ มีฐานะเป็นสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ มีพื้นที่จัดการศึกษา ๔ แห่งคือ
สำนักงานอธิการบดี ตั้งอยู่ที่ ตำบลหันตรา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ศูนย์วาสุกรี ตั้งอยู่ที่ ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ศูนย์นนทบุรี ตั้งอยู่ที่ ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี และ
ศูนย์สุพรรณบุรี ตั้งอยู่ที่ตำบลย่านยาว อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี
ศูนย์วาสุกรี ตั้งอยู่ที่ ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ศูนย์นนทบุรี ตั้งอยู่ที่ ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี และ
ศูนย์สุพรรณบุรี ตั้งอยู่ที่ตำบลย่านยาว อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี

๑. ประวัติความเป็นมาของมหาวิทยาลัย
แต่เดิมพื้นที่จัดการศึกษา จำนวน ๓ แห่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ เป็นวิทยาลัยในสังกัดกรมอาชีวศึกษา ประกอบด้วย วิทยาลัยเกษตรกรรมพระนครศรีอยุธยา วิทยาลัยพณิชยการพระนครศรีอยุธยา และวิทยาลัยเทคนิคนนทบุรี ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้มีพระราชบัญญัติโอนกิจการบางส่วนของกรมอาชีวศึกษาไปเป็นของวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษารวม ๒๘ แห่ง ซึ่งรวมวิทยาลัยทั้ง ๓ แห่ง ดังกล่าวด้วย พร้อมกันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ออกประกาศกระทรวงศึกษาธิการเปลี่ยนชื่อสถานศึกษาและตั้งเป็น วิทยาเขตทั้ง ๒๘ แห่งในปีเดียวกัน ดังนั้น วิทยาเขตเกษตรพระนครศรีอยุธยา วิทยาเขตพณิชยการพระนครศรีอยุธยา และวิทยาเขตเทคนิคนนทบุรี จึงสังกัดวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา ซึ่งมีฐานะเป็นกรมในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ เป็นต้นมา ต่อมาในปี ๒๕๓๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อใหม่ว่า “สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล” และต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๓๒ กระทรวงศึกษาธิการได้มีประกาศเปลี่ยนชื่อวิทยาเขตในสังกัดสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล เฉพาะวิทยาเขตในส่วนภูมิภาค รวม ๑๗ วิทยาเขต ส่งผลให้ ทั้ง ๓ วิทยาเขตเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น วิทยาเขตพระนครศรีอยุธยา หันตรา วิทยาเขตพระนครศรีอยุธยาวาสุกรี และวิทยาเขตนนทบุรี ตามลำดับ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ได้มีประกาศจัดตั้งวิทยาเขตสังกัดสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล จำนวน ๕ แห่ง คือวิทยาเขตเชียงราย วิทยาเขตสกลนคร วิทยาเขตสุพรรณบุรี วิทยาเขตศาลายา และวิทยาเขตศรีวิชัย นับเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อกำเนิด วิทยาเขตสุพรรณบุรีซึ่งเป็นพื้นที่จัดการศึกษา แห่งที่ ๔ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ได้ขยายการศึกษาออกไปในส่วนภูมิภาคต่าง ๆ จนถึง ๓๕ วิทยาเขต รวมทั้งมีศูนย์กลางการจัดการศึกษาระดับปริญญาตรี ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลคลองหก อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี และมีการจัดการศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญาตรีและปริญญาตรี ในทุกวิทยาเขต
แต่เดิมพื้นที่จัดการศึกษา จำนวน ๓ แห่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ เป็นวิทยาลัยในสังกัดกรมอาชีวศึกษา ประกอบด้วย วิทยาลัยเกษตรกรรมพระนครศรีอยุธยา วิทยาลัยพณิชยการพระนครศรีอยุธยา และวิทยาลัยเทคนิคนนทบุรี ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้มีพระราชบัญญัติโอนกิจการบางส่วนของกรมอาชีวศึกษาไปเป็นของวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษารวม ๒๘ แห่ง ซึ่งรวมวิทยาลัยทั้ง ๓ แห่ง ดังกล่าวด้วย พร้อมกันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ออกประกาศกระทรวงศึกษาธิการเปลี่ยนชื่อสถานศึกษาและตั้งเป็น วิทยาเขตทั้ง ๒๘ แห่งในปีเดียวกัน ดังนั้น วิทยาเขตเกษตรพระนครศรีอยุธยา วิทยาเขตพณิชยการพระนครศรีอยุธยา และวิทยาเขตเทคนิคนนทบุรี จึงสังกัดวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา ซึ่งมีฐานะเป็นกรมในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ เป็นต้นมา ต่อมาในปี ๒๕๓๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อใหม่ว่า “สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล” และต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๓๒ กระทรวงศึกษาธิการได้มีประกาศเปลี่ยนชื่อวิทยาเขตในสังกัดสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล เฉพาะวิทยาเขตในส่วนภูมิภาค รวม ๑๗ วิทยาเขต ส่งผลให้ ทั้ง ๓ วิทยาเขตเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น วิทยาเขตพระนครศรีอยุธยา หันตรา วิทยาเขตพระนครศรีอยุธยาวาสุกรี และวิทยาเขตนนทบุรี ตามลำดับ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ได้มีประกาศจัดตั้งวิทยาเขตสังกัดสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล จำนวน ๕ แห่ง คือวิทยาเขตเชียงราย วิทยาเขตสกลนคร วิทยาเขตสุพรรณบุรี วิทยาเขตศาลายา และวิทยาเขตศรีวิชัย นับเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อกำเนิด วิทยาเขตสุพรรณบุรีซึ่งเป็นพื้นที่จัดการศึกษา แห่งที่ ๔ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ได้ขยายการศึกษาออกไปในส่วนภูมิภาคต่าง ๆ จนถึง ๓๕ วิทยาเขต รวมทั้งมีศูนย์กลางการจัดการศึกษาระดับปริญญาตรี ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลคลองหก อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี และมีการจัดการศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญาตรีและปริญญาตรี ในทุกวิทยาเขต
การจัดการศึกษาระดับปริญญาตรีในวิทยาเขตต่าง ๆ มีปัญหาในด้านการบริหารจัดการค่อนข้างมาก เพราะแม้ว่าวิทยาเขตจะเปิดสอนระดับปริญญาตรีในสาขาวิชาต่าง ๆ ได้ แต่ก็เป็นการเปิดในนามของคณะซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางฯ จังหวัดปทุมธานีเป็นหลัก ทำให้ขาดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การให้บริการสนองตอบความต้องการของประชาชนในแต่ละภูมิภาค ดังนั้นหลังจากที่ประเทศไทยมีกฎหมายการศึกษาฉบับแรก คือ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ส่งผลให้สถาบันอุดมศึกษาที่เปิดสอนระดับปริญญามาอยู่ในสังกัดเดียวกัน คือ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลจึงได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไข พระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล พ.ศ. ๒๕๑๘ โดยมีการรวมกลุ่มวิทยาเขตในสังกัดซึ่งอยู่ในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย ออกเป็น ๙ กลุ่ม และเสนอพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล เพื่อจัดตั้งเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล จำนวน ๙ แห่ง โดยมีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ เป็นมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในจำนวน ๙ แห่งนั้น ซึ่งเกิดจากการรวมทั้ง ๔ วิทยาเขตเข้าด้วยกัน คือ วิทยาเขตพระนครศรีอยุธยา หันตรา วิทยาเขตพระนครศรีอยุธยา วาสุกรี วิทยาเขตนนทบุรี และวิทยาเขตสุพรรณบุรี โดยมีที่ตั้งสำนักงานอธิการบดี อยู่ในพื้นที่วิทยาเขตพระนครศรีอยุธยา หันตรา และหลังจากที่กฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการระดับคณะ สถาบัน สำนัก ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ มีผลใช้บังคับแล้ว ทั้ง ๔ แห่ง วิทยาเขตได้หลอมรวมเป็นมหาวิทยาลัย โดยจัดตั้งคณะ สถาบัน สำนัก ลงในพื้นที่ทั้ง ๔ วิทยาเขตแทนและเพื่อให้สะดวกในการสื่อสาร ระหว่างภายในองค์กรและภายนอกองค์กร จึงเรียกทั้ง ๔ พื้นที่ว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์หันตรา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์วาสุกรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์นนทบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์สุพรรณบุรี ตามลำดับ

๒. ประวัติความเป็นมาของพื้นที่จัดการศึกษาทั้ง ๔ แห่ง ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ
ซึ่งประกอบด้วย วิทยาเขตพระนครศรีอยุธยา หันตรา, วิทยาเขตพระนครศรีอยุธยา วาสุกรี, วิทยาเขตนนทบุรี และวิทยาเขตสุพรรณบุรี
ซึ่งประกอบด้วย วิทยาเขตพระนครศรีอยุธยา หันตรา, วิทยาเขตพระนครศรีอยุธยา วาสุกรี, วิทยาเขตนนทบุรี และวิทยาเขตสุพรรณบุรี




ราชมงคล นามพระราชทาน
จากวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา สู่นามพระราชทาน "สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล" ซึ่งได้กำหนดให้ วันที่ ๑๕ กันยายนของทุกปี เป็นวัน "ราชมงคล" และจากนั้นจนถึงปี ๒๕๔๘ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลก็ได้รับการสถาปนาเป็น "มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล" รวม ๙ แห่ง โดยพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พุทธศักราช ๒๕๔๘
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ได้ทรงลงประปรมาภิไธยในพระราชบัญญัติดังกล่าว และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิก็เป็นหนึ่งในเก้ามหาวิทยาลัยนั้น ชาวราชมงคลสุวรรณภูมิทุกคนต่างรู้สึกปีติยินดีที่ได้มีโอกาสอาศัยพึ่งพระบรมโพธิสมภารด้วยความเป็นมงคลตลอดมา จึงขอเทิดนามพระราชทานนี้ไว้เหนือกระหม่อมด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้ และจักธำรงรักษาไว้ซึ่งพระเกียรติยศ บำเพ็ญประโยชน์เพื่อเพิ่มพูนพระบารมี สนองงานต่างพระเนตรพระกรรณ ด้านการอุดมศึกษา สร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อถวายเป็นพระราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระมหากษัตริย์ผู้สถิตอยู่ในดวงใจของชาวราชมงคลสุวรรณภูมิและชาวไทยทุกคน
เมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๘ เป็นจุดเริ่มของการก่อกำเนิด "วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา" ซึ่งตามพระราชบัญญัติการจัดตั้งสถาบันการศึกษาแห่งนี้ ได้ระบุวัตถุประสงค์ไว้อย่างชัดเจนว่า เป็นสถาบันอุดมศึกษาด้านวิชาชีพ จัดการศึกษาในระดับปริญญาตรีและต่ำกว่าปริญญาตรี ทำการวิจัยและให้บริการวิชาการ จากการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาส่งผลให้ จากเดิมซึ่งมีวิทยาเขตอยู่ทั่วประเทศ ๒๘ วิทยาเขต ขยายเพิ่มเป็น ๓๕ วิทยาเขต ในระยะเวลาต่อมาตามลำดับจนถึงปัจจุบัน ในช่วงการพัฒนาที่ผ่านมา มีเหตุการณ์สำคัญที่ต้องบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ ของสถาบันการศึกษาแห่งนี้ กล่าวคือ ในปีพุทธศักราช ๒๕๓๐ ซึ่งเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๕ รอบ และด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระเมตตาต่อวิทยาลัยฯ โดยการเสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาด้วยพระองค์เองทุกครั้ง สภาวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาในขณะนั้น จึงพิจารณาเห็นสมควรขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตขอพระราชทานชื่อวิทยาลัยฯ ตามแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าฯ จุดกำเนิดของความเป็น "ราชมงคล : นามพระราชทาน" จึงเกิดขึ้น ด้วยมีหนังสือแจ้งจากสำนักราชเลขาธิการที่ รล ๐๐๓/๑๖๙๔๒ ลงวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๓๑ แจ้งว่า ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อว่า "สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล" กับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เขียนชื่อว่าสถาบันที่ได้รับพระราชทานนี้ เป็นภาษาอังกฤษว่า "Rajamangala Institute of Technology" ในเวลาต่อมา
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ได้ทรงลงประปรมาภิไธยในพระราชบัญญัติดังกล่าว และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิก็เป็นหนึ่งในเก้ามหาวิทยาลัยนั้น ชาวราชมงคลสุวรรณภูมิทุกคนต่างรู้สึกปีติยินดีที่ได้มีโอกาสอาศัยพึ่งพระบรมโพธิสมภารด้วยความเป็นมงคลตลอดมา จึงขอเทิดนามพระราชทานนี้ไว้เหนือกระหม่อมด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้ และจักธำรงรักษาไว้ซึ่งพระเกียรติยศ บำเพ็ญประโยชน์เพื่อเพิ่มพูนพระบารมี สนองงานต่างพระเนตรพระกรรณ ด้านการอุดมศึกษา สร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อถวายเป็นพระราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระมหากษัตริย์ผู้สถิตอยู่ในดวงใจของชาวราชมงคลสุวรรณภูมิและชาวไทยทุกคน
เมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๘ เป็นจุดเริ่มของการก่อกำเนิด "วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา" ซึ่งตามพระราชบัญญัติการจัดตั้งสถาบันการศึกษาแห่งนี้ ได้ระบุวัตถุประสงค์ไว้อย่างชัดเจนว่า เป็นสถาบันอุดมศึกษาด้านวิชาชีพ จัดการศึกษาในระดับปริญญาตรีและต่ำกว่าปริญญาตรี ทำการวิจัยและให้บริการวิชาการ จากการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาส่งผลให้ จากเดิมซึ่งมีวิทยาเขตอยู่ทั่วประเทศ ๒๘ วิทยาเขต ขยายเพิ่มเป็น ๓๕ วิทยาเขต ในระยะเวลาต่อมาตามลำดับจนถึงปัจจุบัน ในช่วงการพัฒนาที่ผ่านมา มีเหตุการณ์สำคัญที่ต้องบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ ของสถาบันการศึกษาแห่งนี้ กล่าวคือ ในปีพุทธศักราช ๒๕๓๐ ซึ่งเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๕ รอบ และด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระเมตตาต่อวิทยาลัยฯ โดยการเสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาด้วยพระองค์เองทุกครั้ง สภาวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาในขณะนั้น จึงพิจารณาเห็นสมควรขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตขอพระราชทานชื่อวิทยาลัยฯ ตามแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าฯ จุดกำเนิดของความเป็น "ราชมงคล : นามพระราชทาน" จึงเกิดขึ้น ด้วยมีหนังสือแจ้งจากสำนักราชเลขาธิการที่ รล ๐๐๓/๑๖๙๔๒ ลงวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๓๑ แจ้งว่า ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อว่า "สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล" กับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เขียนชื่อว่าสถาบันที่ได้รับพระราชทานนี้ เป็นภาษาอังกฤษว่า "Rajamangala Institute of Technology" ในเวลาต่อมา
สีประจำมหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ กำหนดสีทอง เป็นสีประจำมหาวิทยาลัยตามความหมายของ สุวรรณภูมิ ซึ่งหมายถึง แผ่นดินทอง หรือดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ มั่งคั่ง เจริญรุ่งเรือง มีค่าประดุจทองคำ
ที่มาของชื่อ "สุวรรณภูมิ" จากผลการศึกษาค้นคว้าเรื่อง "สุวรรณภูมิ" โดยนักปราชญ์ราชบัณฑิตติดต่อกันนานเกือบศตวรรษ ควรค่าแก่การสรุปได้ว่า เมื่อราวต้นพุทธกาล มีดินแดนสุวรรณภูมิซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ลุ่มแม่น้ำในภาคกลางของประเทศไทย เป็นประตูแรกที่เปิดรับอารยธรรมโลกภายนอกสู่ดินแดนสุวรรณภูมิจากผู้คนที่มีจิตใจมุ่งหวังและเปิดกว้างด้วยสันถวไมตรี วิถีสันติและสติปัญญา ดังนั้นการนำชื่อ "สุวรรณภูมิ" มาเป็นชื่อเฉพาะของมหาวิทยาลัยฯ จึงมีความเหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะมหาวิทยาลัยฯ มีเขตพื้นที่จัดการศึกษาอยู่ใน ๓ จังหวัด คือ พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี และสุพรรณบุรี ซึ่งยังตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศไทย ขณะเดียวกัน ชื่อ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ จะเป็นสื่อให้ประชาคมทั้งหลายทราบว่า มหาวิทยาลัยฯ คือ แหล่งรวมสรรพวิทยาการ ผู้ทรงคุณความรู้ ผู้เข้ามาแสวงหาความรู้ และเปิดรับองค์ความรู้จากโลกภายนอกมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอย่างกว้างขวาง ด้วยไมตรีจิต สันติสุขและสติปัญญาอย่างแท้จริง |
![]() |
ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ เลือก ต้นลีลาวดีสุวรรณภูมิ เป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย ซึ่งมีความทนทานต่อทุกฤดูกาล ยิ่งมีอายุยืนยาวยิ่งมีคุณค่า ลีลาวดีสุวรรณภูมิ มีดอกสีเหลืองทอง กลิ่นหอมจรุงใจ จึงหมายความว่า ชาวสุวรรณภูมิทุกคน จะมีความอดทน มีความดีงาม มีคุณค่า ประดุจต้นลีลาวดีสุวรรณภูมิ นั่นเอง
|

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น